ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาซอฟแวร์นั้นคือความเสี่ยงในการพัฒนาซอฟแวร์ไม่เป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้ (requirement) จึงได้นำวิธีการที่มีแบบแผน (Formal Method )เข้ามาช่วยในการพัฒนาซอฟแวร์ ซึ่งสามารถตรวจพบข้อกำหนดที่ผิดพลาด และ สามารถนำเสนอข้อกำหนดของระบบที่เขียนจากภาษาที่มีแบบแผนที่สร้างขึ้นมาจากพื้นฐานคณิตศาสตร์ เพื่อช่วยในการรายงานข้อกำหนดที่ผิดพลาด และ ทดสอบอย่างมีแบบแผน โดยที่ไม่เพิ่มค่าใช้จ่ายในการพัฒนาซอฟแวร์ โดยการเขียนข้อกำหนดด้วยภาษาแซด จะเริ่มจากสร้างโมเดลของระบบโดยแบ่งการทำงานออกเป็นส่วนๆแล้วนำส่วนต่างๆที่ถูกแบ่งย่อยมาประกอบเป็นระบบงาน ซึ่งแต่ละส่วนถูกสร้างขึ้นภายใต้หลักการพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ได้แก่ ฟังก์ชัน ตรรกศาสตร์ เซด เพื่อนำเสนอความสัมพันธ์ภายในระบบ และ แสดงการเปลี่ยนแปลงการทำงานของระบบ
โครงสร้างพื้นฐานในการเขียนข้อกำหนดด้วยภาษาแซด ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ
1. ชื่อของเค้าร่าง (Schema name ) เป็นชื่อของงานหรือสิ่งที่เรากำหนด
2.คุณสมบัติเฉพาะของเค้าร่าง (Schema signature ) เป็นส่วนที่อธิบายลักษณะเฉพาะหรือคุณสมบัติของเค้าร่าง โดยประกาศตัวแปรและกำหนดชนิดข้อมูล
3.ส่วนคุณลักษณะเฉพาะ หรือภาคแสดง (Schema specification ) เป็นส่วนกำหนดคุณสมบัติหรือแสดงถึงการดำเนินการของเค้าร่าง โดยส่วนคุณลักษณะเฉพาะนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง(Invariant ) ตลอดการทำงานของระบบ โดยระบุในลักษณะของข้อบังคับหรือเงื่อนไขที่มีค่าเป็นจริงเสมอ โดยจะแบ่งเงื่อนไขก่อนการดำเนินการ (Pre-condition)และหลังการดำเนินการ (Post-condition)
ขั้นตอนการเขียนข้อกำหนดด้วยภาษาแซดมีดังนี้
1.เขียนข้อกำหนดในรูปแบบภาษาที่ใช้ในประจำวัน
2.แตกย่อยระบบออกเป็นส่วนๆ
3.กำหนดรายละเอียดของแต่ละส่วนของระบบดังนี้
- กำหนดเซตและชนิดตัวแปรที่ใช้อธิบายลักษณะประจำของส่วนนั้นๆ
- กำหนดตัวแปรสถานะ แต่ละตัว
- กำหนดการดำเนินการที่ควรมี
4.รวมเอาการทำงานของแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น